6 ปัญหาที่พบบ่อยในการออกแบบติดตั้งโครงหลังคาเหล็ก และวิธีแก้ไข

การออกแบบติดตั้งโครงหลังคาเหล็ก คือหนึ่งในการลงทุนที่สำคัญของการสร้างบ้าน และอาคาร เพราะหลังคาไม่ใช่เป็นเพียงส่วนที่ป้องกันแดดฝน แต่คือโครงสร้างหลักที่คุ้มครองชีวิต และทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ชายคา โดยการติดตั้งโครงหลังคาเหล็กนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่อาจทำให้เกิดปัญหาได้ หากไม่เข้าใจหรือเตรียมการล่วงหน้า

จากประสบการณ์ ห้างหุ้นส่วนจำกัด จิรโรจน์ การช่าง เราพบว่าปัญหาโครงสร้างหลังคาส่วนใหญ่มักมีต้นตอมาจากความผิดพลาดเดิม ๆ ที่สามารถป้องกันได้ วันนี้เราเลยรวบรวม 6 ปัญหาที่พบบ่อยในการออกแบบติดตั้งโครงหลังคาเหล็ก พร้อมวิธีแก้ไข เพื่อให้คุณสามารถวางแผน และตัดสินใจได้ถูกต้อง พร้อมสร้างความมั่นใจในการติดตั้งหลังคาเหล็ก

 

ออกแบบติดตั้งโครงหลังคาเหล็ก คืออะไร?

ออกแบบติดตั้งโครงหลังคาเหล็ก คือ กระบวนการวางแผน ออกแบบ และประกอบโครงสร้างหลังคาที่ใช้วัสดุหลักเป็น เหล็ก เพื่อทำหน้าที่เป็นโครงสร้างรับน้ำหนักหลังคา และป้องกันอาคารจากแดด ฝน และสภาพอากาศต่าง ๆ โดยครอบคลุมตั้งแต่การคำนวณโครงสร้าง การเลือกชนิดเหล็ก ไปจนถึงขั้นตอนการติดตั้งจริง

 

ทำไมต้องเลือกออกแบบติดตั้งโครงหลังคาเหล็ก?

  • แข็งแรงและทนทาน: เหล็กมีอัตราส่วนความแข็งแรงต่อน้ำหนักที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามารถออกแบบโครงสร้างให้มีช่วงกว้างได้โดยไม่ต้องมีเสาค้ำกลางมารบกวนพื้นที่ใช้สอย
  • อายุการใช้งานยาวนาน: หากออกแบบ และป้องกันสนิมอย่างถูกวิธี โครงหลังคาเหล็กจะทนทานต่อปลวก, แมลง และการบิดงอได้ดีเยี่ยม ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนานหลายสิบปี
  • ติดตั้งรวดเร็ว: ชิ้นส่วนต่าง ๆ สามารถเตรียมผลิตจากโรงงานได้ ทำให้การประกอบที่หน้างานทำได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้างโดยรวม
  • ออกแบบได้หลากหลาย: โครงเหล็กสามารถสร้างรูปทรงหลังคาได้หลากหลาย เช่น หลังคาจั่ว หลังคาปีกนก หรือหลังคาโค้งตามดีไซน์สมัยใหม่

 

6 ปัญหายอดฮิตจากการออกแบบติดตั้งโครงหลังคาเหล็ก และวิธีแก้ไข

  1. การคำนวณโครงสร้างผิดพลาด: ปัญหานี้เกิดจากการใช้เพียงประสบการณ์คาดเดาขนาดเหล็กโดยไม่มีวิศวกรควบคุม ส่งผลโดยตรง ให้โครงสร้างไม่สามารถรับน้ำหนักจริงได้ ทำให้หลังคาแอ่นตัว ยุบ หรืออาจพังถล่มลงมาซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
  2. กำหนดความลาดชันไม่เหมาะสม: การออกแบบองศาความลาดชันน้อยเกินไปสำหรับวัสดุมุงหลังคาที่มีรอยต่อเยอะ ส่งผลให้ น้ำฝนระบายไม่ทัน และไหลย้อนกลับเข้าตามรอยต่อ เกิดเป็นปัญหาน้ำรั่วซึมเรื้อรัง สร้างความเสียหายแก่ฝ้าเพดาน และตัวบ้าน
  3. ใช้วัสดุเหล็กคุณภาพต่ำ: การลดต้นทุนโดยใช้เหล็กที่ไม่มีมาตรฐาน มอก. หรือเหล็กไม่เต็มขนาด ส่งผลให้ โครงสร้างมีความแข็งแรงต่ำกว่าที่คำนวณไว้มาก เป็นสนิมได้ง่ายอย่างรวดเร็ว และเสี่ยงต่อการวิบัติในระยะยาว
  4. เทคนิคการเชื่อมที่ไม่ได้มาตรฐาน: รอยเชื่อมที่ไม่สมบูรณ์ และมีโพรงอากาศจะกลายเป็นจุดอ่อนที่เปราะบางที่สุดของโครงสร้าง ส่งผลให้ ไม่สามารถรับแรงดึง และแรงเฉือนได้เต็มที่ เสี่ยงต่อการฉีกขาดหรือพังทลายลงมา ณ จุดเชื่อมต่อเมื่อเจอลมพายุ
  5. การป้องกันสนิมที่ไม่มีประสิทธิภาพ: การทาสีกันสนิมแบบลวก ๆ หรือใช้สีคุณภาพต่ำ ส่งผลให้ สนิมสามารถกัดกร่อนเนื้อเหล็กได้อย่างรวดเร็วในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ทำให้ความแข็งแรงของโครงสร้างลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดอันตราย
  6. การติดตั้งที่ไม่ได้ระดับและแนวฉาก: การวางโครงสร้างที่บิดเบี้ยว ไม่ได้ระดับ ส่งผลให้ แนวหลังคาเป็นคลื่นดูไม่สวยงาม เกิดช่องว่างระหว่างแผ่นหลังคาซึ่งเป็นสาเหตุของการรั่วซึม และอาจทำให้เกิดแอ่งน้ำขังบนหลังคาได้

 

ทำไมต้องเลือก จิรโรจน์ การช่าง สำหรับการออกแบบติดตั้งโครงหลังคาเหล็ก

ห้างหุ้นส่วนจำกัด จิรโรจน์ การช่าง ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2549 โดย คุณจิรโรจน์ เหล็งสุดใจ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ ผลิต และติดตั้งงานโลหะ และเหล็กครบวงจร ตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร ให้บริการครอบคลุมทั้งงานโครงสร้างเหล็ก โครงหลังคา ประตูรั้ว ราวกันตก ไปจนถึงงานอุตสาหกรรม

  1. มีช่างผู้ชำนาญการ: มีช่างผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี รู้จริงทั้งเรื่องการออกแบบโครงสร้าง และเทคนิคการติดตั้ง ช่วยลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดในอนาคต
  2. วัสดุคุณภาพเกรด A: เรายึดมั่นในการใช้วัสดุคุณภาพสูง โดยเลือกใช้เหล็กที่ได้รับรองมาตรฐาน มอก. หรือเทียบเท่าสากล มั่นใจได้ว่าโครงหลังคามีความแข็งแรง ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ
  3. มาตรฐานการติดตั้ง: ทุกขั้นตอนดำเนินการตามหลักวิศวกรรม และความปลอดภัย ตรวจสอบคุณภาพก่อนส่งมอบ เพื่อให้โครงสร้างมั่นคง และใช้งานได้อย่างไร้กังวล
  4. บริการครบวงจร: ครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบโครงสร้าง ผลิต ติดตั้ง ไปจนถึงการดูแลหลังงานเสร็จ เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว และครบถ้วนในที่เดียว

 

อย่าปล่อยให้ปัญหาหลังคากลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องตามแก้ไม่จบสิ้น หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบติดตั้งโครงหลังคาเหล็กให้กับบ้าน, โรงงาน, หรืออาคารของคุณ ติดต่อ ห้างหุ้นส่วนจำกัด จิรโรจน์ การช่าง รับสร้าง ออกแบบ ติดตั้ง ปรับปรุงงานประเภทสแตนเลส และงานเหล็กทุกชนิด เช่น งานครุภัณฑ์ อุปกรณ์ภายในโรงงานผลิตอาหาร เครื่องมือเครื่องจักรในไลน์การผลิต งานประตู ราวกั้น และงานโครงสร้างต่าง ๆ

โทร: 087 758 4579
Line: @jiraroj
เว็บไซต์: www.jirarojkanchang.com

 

คำถามที่พบบ่อย

  1. โครงหลังคาเหล็กดีกว่าโครงหลังคาไม้หรือคอนกรีตอย่างไร?
    โครงเหล็กมีความแข็งแรง น้ำหนักเบา อายุการใช้งานยาวนาน ไม่บิดงอหรือปลวกกินเหมือนไม้ อีกทั้งสามารถออกแบบได้หลากหลายตามความต้องการ
  1. อายุการใช้งานของโครงหลังคาเหล็กอยู่ได้นานแค่ไหน?
    โดยทั่วไปโครงหลังคาเหล็กสามารถใช้งานได้มากกว่า 20–30 ปี หากเลือกใช้เหล็กคุณภาพดี และมีการทาสีกันสนิม หรือติดตั้งอย่างถูกต้องก็อาจอยู่ได้ไปถึง 100 ปี 
  1. “เหล็กดำ” กับ “เหล็กกัลวาไนซ์” ต่างกันอย่างไร?
    เหล็กดำ คือเหล็กธรรมดาที่ต้องทาสีกันสนิม ส่วน เหล็กกัลวาไนซ์ คือเหล็กที่ถูกนำไปชุบสังกะสีเพื่อป้องกันสนิมจากเนื้อใน ทำให้ทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดีและยาวนานกว่ามาก
  1. จะติดต่อ ห้างหุ้นส่วนจำกัด จิรโรจน์ การช่าง ได้อย่างไร
    สามารถติดต่อ ห้างหุ้นส่วนจำกัด จิรโรจน์ การช่าง ได้ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น โทร: 087 758 4579 แอด Line: @jiraroj ดูบริการเพิ่มเติมที่เว็บไซต์: www.jirarojkanchang.com จิรโรจน์การช่าง มุ่งมั่นพัฒนา เพื่อตอบสนองลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

บทความที่เกี่ยวข้อง

มีใครรู้บ้างสแตนเลสคืออะไร ใช้งานกับอะไรได้บ้าง

สแตนเลส (Stainless steel) คือโลหะผสมเหล็ก ผิวมีความสวยกว่าชนิดเหล็ก มีน้ำหนักเบาไม่เป็นสนิมง่าย สแตนเลสมีความเปราะแตกหักง่ายกว่าเหล็ก แต่จะทนต่อการกัดกร่อนได้ดี จึงเหมาะกับการใช้งานภายในเช่นโรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรมโรงผลิตแปรรูปอาหาร หรือห้องเย็น นอกจากนี้ก็เหมาะกับงานภายนอก มีความคงทนต่อสภาพแวดล้อมได้ ทนแดด ทนฝน ไม่ทำให้เป็นสนิมทั้งงานภายในและภายนอกมีระยะเวลาในการใช้งานที่ยาวนาน สแตนเลสมีหลายเกรด ประเภทของสแตนเลส สแตนเลส SUS 304 เป็นสแตนเลสที่มี สารโครเมี่ยม 18% และนิเกิ้ล 8% บางทีเค้าจะเรียกกันว่า 18/8ซึ่งเกรดนี้จะไม่มี สารโมลิบดีนัม (Molybdenum) มีคาร์บอนต่ำ และเป็นสแตนเลสที่ทนต่อการเกิดสนิม (Oxidation) ทนต่อการกัดกร่อนได้เป็นอย่างดี (Corrosion) ทนอุณหภูมิสูงได้ถึง 1,400 องศา ไม่กัดกร่อนง่าย ไม่ก่อให้เกิดสนิม จึงนิยมใช้เป็นวัสดุนำมาขึ้นรูปทำเฟอร์นิเจอร์หรือครุภัณฑ์ เช่น โต๊ะ อ่างล้างจาน เก้าอี้ ตู้เย็น ภายในเครื่องซักผ้า เป็นต้น สแตนเลส SUS 316 เป็นสแตนเลสที่คนนิยมในการใช้รองลงมาจากสแตนเลส SUS 304มีคุณสมบัติคล้ายกันมากจะต่างกันที่มีส่วนผสมของโมลิบดีนัม (Molybdenum)เพิ่มเข้ามามากกว่าจึงทำให้ทนต่อการเกิดสนิม...

เรามาทำความรู้จักกับเหล็กกัน

เหล็ก เป็นแร่ธาตุที่มีบทบาทกับการนำมาใช้งานในชีวิตประจำวันมากที่สุด เหล็กแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือเหล็ก (iron) และ เหล็กกล้า (steel) ซึ่งทั้งสองประเภทนี้ มีคุณสมบัติที่ต่างกันหลายประการ แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะถูกเรียกอย่างเหมารวมกันว่า “เหล็ก” นั่นเอง เหล็กกล้า เป็นโลหะผสม ที่มีการผสมระหว่าง เหล็ก ซิลิคอน แมงกานีส คาร์บอนและธาตุอื่นๆ อีกเล็กน้อยทำให้มีคุณสมบัติในการยืดหยุ่นสูง ทั้งมีความทนทาน แข็งแรง และสามารถต้านทานต่อแรงกระแทกและภาวะทางธรรมชาติได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือเหล็กกล้าไม่สามารถค้นพบได้ตามธรรมชาติเหมือนกับเหล็ก เนื่องจากเป็นเหล็กที่สร้างขึ้นมาโดยการประยุกต์ของมนุษย์ แต่ในปัจจุบันก็มีการนำเหล็กกล้ามาใช้งานอย่างแพร่หลาย เพราะมีต้นทุนต่ำ จึงช่วยลดต้นทุนได้เป็นอย่างมาก เหล็กมีหลายเกรดแต่ละเกรดจะแตกต่างกัน SS400 เป็นแผ่นเหล็กรีดร้อน ใช้ขึ้นงานเหล็กรูปพรรณหรือโครงสร้างต่างๆทั่วไป S45C เป็นกลุ่มเหล็กกล้าคาร์บอนปานกลาง สามารถใช้งานได้อย่างกว้าง ทั้งงานโครงสร้าง งานเครื่องจักร งานแม่พิมพ์ รวมทั้งทำชิ้นส่วนด้านในของเครื่องยนต์ เพราะมีทั้งความแข็ง ความเหนียว และยังสามารถอบชุบเพื่อเพิ่มความแข็งแรงได้อีกทั้งยังมีความสามารถในการทุบขึ้นรูปได้ดีมาก ใช้งานได้หลากหลายชนิด เช่น เพลา ข้อต่อ ลูกกลิ้ง ลูกรีด ชิ้นส่วนเครื่องจักรต่างๆและขึ้นรูปแม่พิมพ์พลาสติกได้อีกด้วย S50C เหล็กกล้าคาร์บอนที่มีธาตุคาร์บอนผสมอยู่ 0.50% ทำนองเดียวกันกับ...

งานชุบกัลป์วาไนซ์ (Hot-dip Galvanized)

งานชุบกัลป์วาไนซ์ หรือที่เรียกกันว่าเหล็ก หรือสังกะสีเนื้อขาว ใช้ความร้อนชุบเพื่อเพิ่มความแข็ง ทนต่อการใช้งานในระยะยาว และกันการเกิดสนิม อีกทั้งยังสามารถทนกรด และความร้อนได้ดี ในการชุบจะใช้อุณหภูมิอยู่ที่ 435-455 องศา ความหนาในการชุบอยู่ที่ 65-306ไมครอน ซึ่งจะเหมาะกับงานภายนอก เช่น เสาธง รางน้ำ ราวสะพาน ราวกันตก โครงสร้างต่างๆฯ

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเชื่อม

การเชื่อมอาร์กอน คือการเชื่อมโลหะด้วยระบบไฟฟ้าอาร์คโดยการใช้แก๊สคลุมเป็นการใช้แก๊สเฉื่อย(Inert Gas) ในการปกคลุมแนวการเชื่อม ปัจจุบันจะนิยมใช้แก๊สอาร์กอน Argon โดยช่างทั่วไปนิยมเรียกว่าการเชื่อมแบบ TIG (Tungsten Inert Gas Welding หรือGTAW) เรียกอีกอย่างว่า “ เชื่อมอาร์กอน ” ซึ่งมีลักษณะการเชื่อมคล้ายกับการเชื่อมด้วยแก๊สเพื่อป้องกันบ่อหลอมจากการปนเปื้อนหรือทำปฎิกิริยากับอากาศรอบๆข้าง ช่างต้องใช้ทั้งสองมือในการทำงาน มือหนึ่งจับหัวเชื่อมอีกมือหนึ่งจับลวดเพื่อเติมแนวเชื่อม ใช้ในกรณีที่ไม่ต้องการใช้ลวดเชื่อม โดยอาศัยความร้อนของอาร์กอนมาหลอมชิ้นงานทั้ง 2 ชิ้นให้ติดกันเหมาะกับการเชื่อมแบบบางๆ ประมาณ 0.5-2.5 มม. ข้อดี แนวเชื่อมมีความสวย ชิ้นงานเนียบมีคุณภาพ สะอาด ควันน้อย ไม่มีประกายไฟ ไม่ต้องใช้ลวดเติม สามารถใช้เชื่อมชิ้นงานบางๆได้ ทั้งสแตนเลส อลูมิเนียม ทองเหลืองและทองแดง ข้อเสีย เชื่อมได้ช้า ราคาค่อนข้างสูงและต้องใช้ความชำนาญในการเชื่อม การเชื่อมไฟฟ้า การเชื่อมไฟฟ้าหรือเรียกอีกอย่างว่าการเชื่อมโลหะด้วยวิธีการเชื่อม “อาร์ค” (คือการดิสชาร์จไฟฟ้าผ่านก๊าซ) โดยใช้ความร้อนในการเชื่อมจะเกิดประกายอาร์คระหว่างชิ้นงานและลวดเชื่อมเป็นการหลอมละลายลวดเชื่อมเพื่อทำหน้าที่ป้อนเนื้อโลหะให้แนวเชื่อม

งานกลึง (turning-operation)

งานกลึง (turning-operation) คือการขึ้นรูปโลหะโดยให้ชิ้นงานหมุนรอบตัวเอง โดยมีดกลึงจะเคลื่อนที่เข้ามาชิ้นงาน งานกลึงจะมี 2 รูปแบบ การกลึงปาดหน้า โดยใช้มีดตัดชิ้นงานตามแนวขวาง (Acriss the work) การกลึงปอก คือ การเคลื่อนมีดตัดไปตามแนวขนาน กับแนวแกนของชิ้นงาน

งานมิลลิ่ง (Milling)

กระบวนการมิลเลอร์ (Miller) หรือมิลลิ่ง (Milling) เป็นกระบวนการกัดวัสดุด้วยใบมีด โดยสามารถทำได้ทั้งการกัดร่อง กัดบ่า กัดเฟือง รวมถึงสร้างผิวเรียบบนชิ้นงานในอุตสาหกรรมการผลิต เครื่องมิลลิ่ง (Milling Machine) หรือเครื่องกัด เป็นเครื่องจักรกลที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตที่หลากหลาย และมีความแม่นยำสูง ด้วยการเคลื่อนที่ของใบมีดไปในทิศทางที่กำหนด โดยยังสามารถตัดชิ้นส่วนของวัสดุตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ให้ชิ้นงานมีรูปทรงที่เป็นไปตามความต้องการของการผลิตได้